คุณแม่คนไหนที่กำลังวางแผนจะมีน้อง หรือกำลังตั้งครรภ์อยู่ในตอนนี้ และอยากที่จะรู้ว่าอาการตั้งครรภ์ระยะเริ่มแรกนั้น มีอาการอย่างไรบ้าง หรือสิ่งที่เรากำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ กำลังบ่งบอกว่าเรากำลังจะมีเจ้าตัวเล็กอยู่หรือเปล่า เอาเป็นว่าเรามาไขข้อสงสัย อาการ ท้อง 1 เดือน ไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
สัญญาณอะไรบ้างที่กำลังบอกว่าเรากำลังตั้งครรภ์
คุณแม่คนไหนที่กำลังสงสัย หรืออยากรู้ว่าอาการที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ กำลังบ่งบอกว่าเรากำลังจะตั้งครรภ์หรือเปล่า เรามาสังเกตอาการเหล่านี้กันเลยดีกว่า
บทความที่เกี่ยวข้อง : อาการท้อง 9 เดือน ที่สำคัญมีอะไรบ้าง ? และการฝึกหายใจเตรียมคลอด
1. ประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ
หากคุณแม่คนไหนเริ่มมีประจำเดือนที่ผิดปกติไปจากเดิม อาทิเช่น ประจำเดือนคลาดเคลื่อนไปหลายวัน หรือประจำเดือนขาดหายไปสักพัก สิ่งนี้ก็อาจจะกำลังบ่งบอกว่าคุณแม่อาจจะกำลังตั้งครรภ์อยู่นั่นเอง
2. มีอาการคลื่นไส้ หรืออาเจียน
อาการคลื่นไส้ หรืออาเจียนที่เราเป็นกัน มักจะเกิดขึ้นภายในระยะเวลา 1 เดือน หลังจากที่เราเริ่มตั้งครรภ์ เรียกได้ว่าเป็นการแพ้ท้องในระยะเริ่มแรก แต่โดยส่วนใหญ่แล้วก็มักมีอาการแพ้ท้องในช่วงระยะเวลาการตั้งครรภ์ประมาณ 3 – 4 เดือนขึ้นไป ซึ่งอาการแพ้ท้องในระยะเริ่มแรกอาจเกิดขึ้นสำหรับบางคนเท่านั้น
3. รู้สึกเหนื่อยล้า หรือมีอาการอ่อนเพลีย
การตั้งครรภ์ในระยะแรก หรือช่วงตั้งท้อง 1 เดือน คุณแม่หลายคนก็อาจจะรู้สึกเหนื่อยล้า หรืออ่อนเพลียมากกว่าปกติ เพราะอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายของคุณแม่เริ่มที่จะทำงานหนักมากขึ้น เพื่อเป็นการบำรุงตัวอ่อนที่อยู่ในครรภ์ ยกตัวอย่างเช่น ปอด หัวใจ และไต เป็นต้น
4. อารมณ์แปรปรวน
อีกหนึ่งสิ่งที่ค่อนข้างสังเกตได้ง่ายเลยคือเรื่องของอารมณ์ เพราะในช่วงของการตั้งครรภ์ระดับออร์โมนโปสเจสเตอโรนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้คุณแม่รู้สึกหงุดหงิดง่าย หรือบางคนก็อาจจะอารมณ์เสียขึ้นมาโดยที่ไม่ทราบสาเหตุเลยก็เป็นได้
5. รู้สึกเบื่ออาหาร
อาการที่พบบ่อยอีกอย่างหนึ่งเลยสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ คือเริ่มที่จะเบื่ออาหาร บางคนก็อาจจะรู้สึกอยากทานอาหารแปลก ๆ ที่ตัวเองไม่เคยกินมาก่อน หรือบางคนก็อาจจะอยากรับประทานอาหารที่มีรสชาติเปรี้ยว ๆ นั่นเองค่ะ
6. มีเลือดออกจากช่องคลอด
สิ่งนี้อาจจะทำให้คุณแม่หลายคนรู้สึกเป็นกังวลอยู่เช่นกัน เพราะในช่วงตั้งครรภ์ระยะ 1 เดือน สำหรับบางคนก็อาจจะมีอาการเลือดออกบริเวณช่องคลอด คล้าย ๆ กับเวลาประจำเดือนใกล้จะหมด ซึ่งอาการที่เหล่านี้เกิดขึ้นเนื่องจากตัวอ่อนกำลังเข้าไปฝังตัวอยู่บนผนังมดลูกนั่นเอง
7. ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ
หลายคนอาจจะกำลังสงสัยอยู่ใช่ไหมคะว่าทำไมในช่วงตั้งครรภ์ เรามักมีอาการปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ ซึ่งต้องบอกว่าในช่วงการตั้งครรภ์มดลูกของเราจะมีขนาดที่โตขึ้นและไปกดทับกับบริเวณกระเพาะปัสสาวะ และสิ่งนี้เองที่ส่งผลทำให้คุณแม่หลายคนปัสสาวะบ่อย
พัฒนาการทารกในครรภ์ 1 เดือนมีลักษณะอย่างไร?
เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงการตั้งครรภ์ หรือเริ่มเข้าสู่ช่วงการเป็นคุณแม่ หลายคนก็คงอยากรู้ใช่ไหมคะว่า พัฒนาการเริ่มแรกของเด็ก ๆ นั้นมีลักษณะอย่างไรบ้าง มาดูกันค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : อาการคน ท้อง 7 เดือน และพัฒนาการทารกในครรภ์ เป็นอย่างไร ?
1. ขนาดตัวของทารก
อย่างแรกเลยคือขนาดตัวของทารกที่อยู่ในครรภ์ ซึ่งขนาดตัวจะอยู่ที่ประมาณ 1 เซนติเมตร มีน้ำหนักตัวไม่ถึง 1 กรัม เพราะเป็นการตั้งครรภ์ในระยะเริ่มแรก ลักษณะตัวของทารกจะมีลักษณะเป็นตุ่มกลม ๆ เล็ก ๆ หรือมีลักษณะคล้ายลูกน้ำตัวเล็ก ๆ
2. ลักษณะทารกที่อยู่ในครรภ์
ทารกที่อยู่ในครรภ์จะมีลักษณะหัวค่อนข้างโตพร้อมกับมีติ่งสองคู่โผล่ออกมา เมื่อเวลาผ่านไปติ่งที่โผล่ออกมานั้นจะพัฒนากลายเป็นแขนทั้ง 2 ข้าง และส่วนที่เป็นติ่งอีกคู่หนึ่งก็พัฒนากลายไปเป็นขาสองข้างนั่นเองค่ะ
3. สายสะดือ
พัฒนาการอีกอย่างสำหรับคุณแม่ตั้งท้อง 1 เดือน คือบริเวณสายสะดือ ซึ่งบริเวณนี้จะค่อนข้างใหญ่ มีทั้งเส้นเลือดแดงและเส้นเลือดดำเป็นส่วนประกอบจากรก โดยส่วนนี้จะเป็นเส้นทางนำอาหารไปสู่ตัวทารก และขับของเสียกลับคืนมา
สิ่งที่ควรทำเมื่อรู้ว่าเรากำลังตั้งท้อง
สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่ยังไม่รู้ว่า หากเรากำลังตั้งท้องในช่วงแรก ๆ หรือเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะมีเจ้าตัวเล็ก เราควรต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เพื่อที่ลูกของเราจะได้เติบโตมาเป็นเด็กที่แข็งแรงสมบูรณ์ มาดูคำตอบไปพร้อมกันเลยค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : ท้อง 4 เดือน อาการคนท้อง 4 เดือน และพัฒนาการทารกในครรภ์
1. ทำการฝากครรภ์
เมื่อไหร่ที่เราเริ่มมีอาการที่ผิดปกติไปจากเดิม หรือรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งท้อง คุณแม่อาจจะต้องรีบไปฝากครรภ์ พร้อมกับให้คุณหมอทารกตรวจเช็กบริเวณต่าง ๆ ในร่างกาย แน่นอนว่าหากเรารู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์และรีบไปฝากครรภ์ คุณหมอก็จะให้คำแนะนำ พร้อมกับวิธีการดูแลตัวเองในช่วงตั้งครรภ์ระยะเริ่มแรกได้อย่างถูกต้อง ในทางกลับกันหากเราไม่รีบไปฝากครรภ์ หรือปล่อยปละละเลยสิ่งเหล่านี้ไปลูกในท้องของเราก็อาจจะได้รับผลอันตรายขึ้นมาได้เช่นกัน
2. งดออกกำลังกายหนัก ๆ
สำหรับใครที่ชอบออกกำลังกายเป็นประจำกันอยู่แล้ว หากเรารู้ว่าตัวเองกำลังตั้งท้องอยู่ในตอนนี้ อาจจะต้องงดการออกกำลังกายไปก่อนนะคะ เพราะการตั้งครรภ์ในระยะเริ่มแรกทารกหรือตัวอ่อนที่อยู่ในครรภ์ค่อนข้างที่จะบอบบางมาก ๆ ซึ่งเราอาจจะต้องรอให้ตัวอ่อนเข้าไปฝังตัวกับผนังมดลูกของเราให้แข็งแรงก่อนจะดีที่สุดค่ะ นอกจากนี้ก่อนที่เราจะออกกำลังกายคุณแม่อาจจะต้องขอคำแนะนำจากคุณหมอด้วยนะคะ เพื่อที่จะได้ไม่ส่งผลอันตรายต่อลูกในท้องค่ะ
3. พักผ่อนให้เพียงพอ
นอกจากสิ่งต่าง ๆ แล้ว เรื่องการพักผ่อนก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างสำคัญอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะช่วงที่คุณแม่กำลังตั้งครรภ์และอยู่ในช่วงการแพ้ท้อง บางคนก็อาจจะมีอาการเวียนหัว อาเจียน เจ็บเต้านม หรือมีอารมณ์หงุดหงิดง่าย ส่งผลทำให้คุณแม่รู้สึกอ่อนล้า และอ่อนเพลียขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นพยายามนอนพักผ่อนเยอะ ๆ เพื่อที่ร่างกายของเราจะได้แข็งแรงนะคะ
4. รับประทานอาหารที่มีโฟเลตสูง
มาต่อกันที่เรื่องของอาหาร หากใครที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ตอนนี้เราอาจจะต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีโฟเลตสูงขึ้นมาหน่อย เพื่อที่อาหารเหล่านี้จะได้เข้าไปช่วยทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดง และเซลล์ของตัวอ่อนแข็งมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยป้องกันการพิการตั้งแต่เด็ก ๆ ให้กับลูกในท้องอีกด้วย
จากข้อมูลการตั้งครรภ์ในระยะเริ่มแรก หรือการตั้งครรภ์ 1 เดือนที่เราได้นำมาฝากคุณแม่ให้ได้รู้กันนั้น สิ่งนี้ก็น่าจะเป็นคำตอบที่ทำให้คุณแม่หลายคนคลายความกังวลและข้อสงสัยขึ้นมาบ้าง เอาเป็นว่าใครที่กำลังวางแผนจะมีลูก หรือใครที่กำลังจะเป็นคุณแม่มือใหม่ อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพตัวเองและลูกในท้องกันนะคะ เพื่อที่ลูกในท้องของเราจะได้เป็นเด็กที่แข็งแรงสมบูรณ์ค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
อาการแพ้ท้อง คืออะไร คุณแม่รับมืออย่างไรไม่ให้แพ้ท้อง?
คนท้องกินอาหารรสจัด อันตรายต่อลูกในท้องไหม?
มะละกอ กินแล้วดีไหม? มีประโยชน์ต่อคนท้องหรือเปล่า